เชื้อบิดทางเดินอาหาร (Giadiasis)
เชื้อบิดไกอาเดีย (Giadiasis) วงจรชีวิต เชื้อบิด หรือเรียกอีกอย่างว่า เชื้อโปรโตซัว (Protozoa) ชื่อว่าเชื้อบิดไกอาเดีย (Giadia Lambia) สามารถพบเชื้อได้ลำไส้ในสัตว์ทั่วไป สุนัข แมว สัตว์ในปศุสัตว์ นก รวมทั้งในคนด้วย โดยเชื้อจะอาศัยอยู่ที่ผนังลำไส้ และคอยดูดซึมสารอาหารและเเบ่งตัวภายในลำไส้ หลังสัตว์เลี้ยงได้รับเชื้ออาจจะแสดงอาการภายใน 3-10 วัน และสัตว์เลี้ยงที่มีเชื้อจะปล่อยเชื้อในลักษณะของซีสต์ (Cyst) ปนออก มากับอุจจาระได้นานเป็นสัปดาห์ และซีสต์สามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมภายนอก ติดตามพื้น จาน ชาม อาหาร แหล่งน้ำ หรือพื้นหญ้า เศษใบไม้ ซิสต์อยู่ได้นานหลายสัปดาห์ หากสัตว์เลี้ยงไปเลียบริเวณที่มีซีสต์ หรือสัมผัสอุจจาระที่มีเชื้อ โดยบังเอิญก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อบิดไกอาเดียได้ หรือในคนเองก็สามารถติดได้จากช่องทางเดียวกัน การติดต่อในสัตว์เลี้ยง
อาการ เชื้อบิดไกอาเดียเข้าไปทำลายผนังลำไส้ และลดการทำงานของเอนไซม์ต่างๆในลำไส้ ทั้งสองสาเหตุทำให้การดูดซึมสารอาหาร น้ำ และอิเลคโตรไลท์ลดลง ทำให้สัตว์เลี้ยงเกิดอาการภาวะท้องเสียเรื้อรัง น้ำหนักลด หรือในบางตัวอาจจะไม่แสดงอาการ ลักษณะของอุจจาระจะมีลักษณะนิ่ม ไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่าง สีอ่อน มีกลิ่นเหม็น มีเมือกมากกว่าปกติ หรือมีไขมันมาก หรือบางรายที่เป็นรุนแรงอาจจะมีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำหรือมีเลือดปน มีอาการอาเจียน ขาดน้ำได้ ซึ่งสามารถพบได้ไม่มาก ส่วนมากเป็นการติดเชื้อเรื้อรังแบบไม่แสดงอาการมากกว่า แต่อาจจะแสดงอาการร่วมกับกับการติดเชื้อทางเดินอาหารอื่นๆ การวินิจฉัย สัตวแพทย์จะวินิจฉัยจากประวัติ อาการร่วมกับการส่องตรวจอุจจาระด้วยกล้องจุลทรรศน์ แต่การไม่พบเชื้อในอุจจาระอาจจะไม่ได้หมายความว่าสัตว์เลี้ยงนั้นไม่มีการติดเชื้อ เนื่องจากเชื้อบิดไกอาเดียจะปล่อยซีสต์ออกมาเป็นระยะ (intermittently shed) จึงอาจจะทำให้ตรวจไม่เจอได้ ถ้าหากยังสงสัยแต่ตรวจไม่พบเชื้อในตัวอย่างอุจจาระ อาจจะต้องทำการตรวจซ้ำในวันถัดไป หรือใช้วิธีการตรวจด้วยชุดทดสอบ (ELISA) การรักษา สัตวแพทย์จะรักษาโดยการให้ยาถ่ายพยาธิร่วมกับยาปฏิชีวนะประมาณ 7-10 วัน และในรายที่มีการท้องเสีย อาเจียน หรือมีภาวะขาดน้ำร่วมด้วยจะแนะนำให้เข้าพักการรักษาให้น้ำเกลือเพิ่มเติม สำหรับลูกสุนัขและลูกแมว หากตรวจพบว่ามีการติดเชื้อ อาจจะต้องได้รับการดูแลใกล้ชิด ฝากรักษา 24 ชั่วโมง เพราะอาจจะเกิดภาวะช็อคจากการขาดน้ำ หรือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้ ดังนั้น หากสัตว์เลี้ยงมีอาการขับถ่ายผิดปกติ น้ำหนักลดควรรีบไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาทันที การป้องกัน
เรียบเรียงโดย สพ.ญ. นิรชรา ชมท่าไม้ (คลินิกอายุรกรรม, คลินิกระบบประสาท โรงพยาบาลสัตว์เมืองเอก) ที่มา https://www.msdvetmanual.com/digestive-system/giardiasis-giardia/overview-of-giardiasis http://beckeranimalhospital.net/blog/giardia/
|