โรคไข้หัดแมว (Feline Parvovirus)
มีโอ
โรคไข้หัดแมว (Feline Distemper)
สาเหตุ โรคไข้หัดแมว หรือโรคลำไส้อักเสบติดต่อในแมว เกิดจากเชื้อไวรัสพาร์โวแมว (Feline Parvovirus, FPV) เชื้อ FPV มีความคงทนที่อุณหภูมิห้อง และในสิ่งแวดล้อมเป็นระยะเวลานานเป็นปี สามารถทนความร้อน และความเย็นได้พอสมควร เชื้อจะถูกทำลายได้ง่ายด้วยน้ำยาซักฟอกขาวความเข้มข้นร้อยละ 6
อาการ แมวป่วยส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการผิดปกติ แต่ลูกแมวที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคมาก่อน จะแสดงอาการป่วยอย่างชัดเจน พบอัตราการตายในลูกแมวอายุระหว่าง 3-5 เดือนสูง อาจจะพบการตายเฉียบพลันในลูกแมวตั้งแต่อายุ 4 สัปดาห์จนถึง 1 ปี แมวจะแสดงอาการซึม มีไข้ เบื่ออาหาร ท้องเสียปริมาณมากและรุนแรง พบอุจจาระมีกลิ่นคาวปนเลือด ร่างกายขาดน้ำและอ่อนเพลีย อาจจะเสียชีวิตฉับพลัน
การตรวจวินิจฉัยโรค 1. การตรวจวินิจฉัยเบื้องต้น สัตวแพทย์จะตรวจร่างกายโดยละเอียด อาจจะพบอาการปวดท้อง ช่องท้องเกร็ง มีการขยายขนาดของต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง ร่วมกับอาการทางคลินิกที่พบอื่นๆ และมักตรวจพบว่ามีปริมาณเม็ดเลือดขาวต่ำ ถึงต่ำมาก (50-3,000 เซลล์ต่อไมโครลิตร) บางตัวอาจจะไม่สามารถนับจำนวนเม็ดเลือดขาวได้เลย ซึ่งบ่งบอกถึงการติดเชื้อไวรัสรุนแรง หากมีระดับเม็ดเลือดขาวในเลือดที่ต่ำมาก บ่งบอกได้ว่าการติดเชื้อมีความรุนแรง มีโอกาสเสียชีวิต 2. การตรวจหาเชื้อไวรัส 2.1 ชุดตรวจ Testkit สำหรับการตรวจหาเชื้อหรือแอนติดเจนของเชื้อไวรัสในสิ่งส่งตรวจ สัตวแพทย์จะสวนอุจจาระเพื่อใช้ในการตรวจ (ใช้สำลีพันก้านจากชุดตรวจ testkit) โดยชุดตรวจนี้สามารถตรวจพบเชื้อได้เมื่อสัตว์เลี้ยงแสดงอาการป่วยหรือถ่ายเหลวแล้ว โดยไม่มีผลรบกวนจากการทำวัคซีน คือถ้าตรวจพบว่าผลบวกจากชุดตรวจ แสดงว่าในอุจจาระของแมวมีเชื้อพาร์โวไวรัส แปลผลได้ว่าแมวป่วยเป็นโรคไข้หัดแมว 2.2 การตรวจวิธีพิเศษ เช่น การตรวจด้วยวิธี การแยกเชื้อไวรัส การตรวจปฏิกิริยาลูกโว๋โพลีเมอเรส (Polymerase chain reaction; PCR) ส่วนมากไม่เป็นที่นิยมสำหรับการตรวจทางคลินิก
การรักษา การรักษาโรคติดเชื้อไวรสัส่วนมาก เป็นการรักษาแบบประคับประคองอาการ หมายถึงไม่มียาที่ใช้ในการรักษาโดยตรงโดยควรให้สัตว์งดน้ำและอาหารในช่วงแรกของการป่วย เพื่อลดอาการอาเจียน และลดการทำงานของลำไส้ จากนั้นจึงควรให้สารน้ำและสารอาหารผ่านทางเส้นเลือด ร่วมกับการให้ยาลดอาเจียน ยาฆ่าเชื้อที่ออกฤทธิ์วงกว้าง การให้ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน พบว่ามีรายงานในการช่วยลดอัตราการตายได้ถึง 6.5 เท่า และสังเกตุติดตามอาการการตอบสนองยาโดยการตรวจนับค่าเม็ดเลือดขาว ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 7-14 วัน เมื่อแมวเริ่มมีอาการดีขึ้นจึงค่อยๆเริ่มให้อาหารอ่อนทีละน้อยๆ บ่อยครั้ง การป้องกัน การให้วัคซีนกับลูกแมวเมื่อมีอายุ 8-9 สัปดาห์ และควรให้ซ้ำอีกอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 4 สัปดาห์ จากนั้นแนะนำให้ฉีดในปีถัดไป และแนะนำว่าในช่วงที่ยังทำวัควีนไม่ครบควรจะงดพาแมวออกไปนอกบ้านเพื่อป้องกันการติดเชื้อ สำหรับการทำลายชเื้อที่ปนเปื้อนมากับสิ่งแวดล้อม ที่นอน ชามน้ำ ชามอาหารควรทำความสะอาดด้วยน้ำยาฟอกขาวเจือจางกับน้ำในอีตราส่วน 1 : 32 อย่างน้อย 15 นาที โดยหลังการรักษาจนหายแล้ว ควรแยกเลี้ยงกับแมวตัวอื่นในบ้านอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ เนื่องจากมีโอกาสที่แมวซึ่งหายจากโรคไข้หัดแมว จะยังสามารถแพร่เชื้อได้ และควรทำวัคซีนแมวทุกตัวภายในบ้านให้เรียบร้อยก่อนนำแมวมาอยู่ด้วยกัน
บรรณานุกรรม : รสมา ภู่สุวรรณ, เวชศาสตร์โรคแมว, 2561, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด วันที่ 2020-09-0811:47:30 AM |
โปรแกรมวัคซีนสำหรับลูกแมว วัคซีนสำหรัลูกแมว เริ่มต้นฉีดที่อายุ 2 เดือนขึ้นไป แต่ละเข็มห่างกัน 1 เดือน 1. วัคซีนหัดแมว-หวัดแมว ฉีด 3 เข็ม (ราคาเข็มละ 280 บาท) เริ่มที่อายุ 2 เดือน 2. วัคซีนพิษสุนัขบ้า ฉีด 2 เข็ม (ราคาเข็มละ 80 บาท) เริ่มที่อายุ 3 เดือน 3. วัคซีนลิวคีเมีย ฉีด 2 เข็ม (ราคา 400 บาท + ค่าตรวจเทส 980 บาท) เริ่มที่อายุ 2.5 เดือน 4. ถ่ายพยาธิ ทุก 3 เดือน (ราคาครั้งละ 50-100 บาท) เริ่มที่อายุ 1.5-2 เดือน 5. หยดยาป้องกันพยาธิหนอนหัวใจและพยาธิภายนอก เริ่มต้นที่อายุ 2 เดือน อัตราค่าวัคซีนและค่าบริการทางการแพทย์ขึ้นกับสาขาที่ท่านเข้าใช้บริการ สามารถตรวจสอบได้ที่สาขาที่ท่านใช้บริการ
ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด วันที่ 2020-09-0811:47:30 AM |